My Account Login

ภาษีทรัมป์ดันเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอีกครั้งในมิ.ย. ดัชนี CPI แตะ 2.7% ขณะที่เฟดยังคงนโยบายเดิม

EBC Financial Group สื่อภาพการฟื้นตัวของเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน 2568 ที่ถูกกระตุ้นโดยภาษีศุลกากรใหม่ ดัชนีราคาผู้บริโภคปรับขึ้นสู่ 2.7% ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงนโยบายเดิมไว้

EBC Financial Group คาดการณ์ตลาดจะมีความเปราะบางและตอบสนองอย่างรุนแรงมากขึ้นในไตรมาสที่ 3

DC, UNITED STATES, July 18, 2025 /EINPresswire.com/ -- ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น 2.7% เมื่อเทียบรายปีในเดือนมิถุนายน ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และสะท้อนสัญญาณการกลับมาของแรงกดดันเงินเฟ้อหลังจากที่เคยชะลอลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีศุลกากรกำลังเริ่มส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเงินเฟ้อโดยรวม ซึ่งสร้างความท้าทายให้กับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่กำลังรอตัดสินใจในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้

เมื่อเทียบเป็นเดือน ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.3% สอดคล้องกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ปรับขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าคาดเล็กน้อย แต่ยังคงสะท้อนสภาพแวดล้อมราคาที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ

สัญญาณแรกของผลกระทบภาษีส่งผลตลาดปรับตัว

แม้ว่าเงินเฟ้อจะคลี่คลายลงในช่วงต้นปี 2568 แต่ตัวเลขในเดือนมิถุนายนแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงที่ได้รับแรงหนุนจากมาตรการค้าของสหรัฐฯ ฉบับใหม่ โดยภาษีศุลกากรที่นำเข้าจากกว่า 20 ประเทศจะมีผลเต็มรูปแบบในเดือนสิงหาคมนี้ ทำให้นักวิเคราะห์เตือนว่าการส่งผ่านต้นทุนกำลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

“สถานการณ์กำลังเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เราเห็นคือสัญญาณแรกที่ชัดเจนของภาษีศุลกากรที่ส่งผลต่อเงินเฟ้อ” ดาเมียน แบร์เร็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ EBC Financial Group (UK) Ltd. กล่าว “แม้ว่าตัวเลขยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ แต่สำหรับนักลงทุนที่มองไปข้างหน้า ควรถามตัวเองว่าขั้นต่อไปจะเป็นอย่างไร ไม่ใช่แค่ข้อมูลเท่านั้น แต่รวมถึงนโยบายของเฟดและการไหลของเงินทุนด้วย”

การประเมินจากนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำระบุว่า มากถึงหนึ่งในสามของการปรับขึ้นดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนมิถุนายนอาจเกี่ยวข้องกับภาษีศุลกากร ผลกระทบนี้คาดว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะเมื่อบริษัทต่างๆ หมดสต็อกสินค้าก่อนถูกเก็บภาษีและเริ่มปรับโมเดลราคาสินค้าใหม่

คาดเฟดพักนโยบายในเดือนกรกฎาคมแม้สัญญาณขัดแย้ง

แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ตัวชี้วัดเงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้เพียงพอ ทำให้ตลาดประเมินว่ามีโอกาสถึง 97% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.25%–4.50% ในการประชุมวันที่ 29–30 กรกฎาคมนี้

“เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่วิ่งออกนอกกรอบ” แบร์เร็ตกล่าว “เฟดจึงไม่มีแรงจูงใจให้เร่งปรับนโยบาย เราคาดว่าจะอยู่ในสถานะรอดูสถานการณ์ในเดือนกรกฎาคม แต่หากข้อมูล CPI และค่าจ้างในเดือนสิงหาคมร้อนแรงขึ้นตามที่เฟดกังวล การเผชิญหน้ากับฝ่ายบริหารสหรัฐฯ จะทวีความรุนแรงมากขึ้น”

แม้ตัวเลข CPI จะได้รับความสนใจจากตลาดมากที่สุด แต่ดัชนีราคาการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE Price Index) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ จะสะท้อนภาพพฤติกรรมผู้บริโภคได้ครอบคลุมกว่า ข้อมูล PCE เดือนมิถุนายนซึ่งคาดว่าจะประกาศในปลายเดือนนี้ จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางนโยบายของเฟดครั้งถัดไป

นักลงทุนมองต่าง สินทรัพย์เสี่ยงเข้าสู่โหมดรอดูสถานการณ์

ปฏิกิริยาของตลาดต่อรายงานเงินเฟ้อออกมาในหลากหลายทิศทาง ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่น ๆ ขณะที่หุ้นยังคงระมัดระวังท่ามกลางความไม่แน่นอนเรื่องอัตราดอกเบี้ย

“นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่นักลงทุนหนีความเสี่ยง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเต็มใจรับความเสี่ยง” แบร์เร็ตอธิบาย “สำหรับนักเทรดและนักลงทุน นี่คือช่วงเวลาที่กลยุทธ์ระดับมหภาคมีความสำคัญที่สุด — คู่สกุลเงิน ผลิตภัณฑ์อัตราดอกเบี้ย และกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ น่าจะมีความผันผวนสองทางเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อนนี้”

เขาเสริมว่า “การเร่งตัวของเงินเฟ้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผลกระทบภาษีศุลกากร ได้เพิ่มความผันผวนใหม่ให้กับตลาดทองคำและตลาดเงินตรา นักลงทุนควรเตรียมรับมือกับความผันผวนของราคา และพิจารณาปรับตำแหน่งการลงทุนให้สอดคล้องกับปัจจัยมหภาคสำคัญ”

มองแนวโน้ม ความผันผวนของเงินเฟ้อจะกำหนดกลยุทธ์ลงทุนไตรมาส 3

ด้วยผลกระทบจากภาษีศุลกากรที่ยังคงส่งผลอย่างต่อเนื่อง และความต้องการผู้บริโภคที่เริ่มแสดงสัญญาณเปราะบาง ความเชื่อมั่นในตลาดจึงมีแนวโน้มตอบสนองอย่างรวดเร็วในเดือนข้างหน้า

“ไตรมาส 3 จะไม่ได้ถูกกำหนดเพียงแค่ตัวเลขเงินเฟ้อเท่านั้น แต่จะขึ้นอยู่กับการตีความข้อมูลด้วย” แบร์เร็ตสรุป “นักเทรดที่มีสมาธิ ยืดหยุ่น และมองไปข้างหน้าจะสามารถค้นพบโอกาสในขณะที่คนอื่นยังลังเล”

ข้อมูลนี้สะท้อนมุมมองของ EBC Financial Group และหน่วยงานทั่วโลกของบริษัท ซึ่งไม่ใช่คำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน การเทรดสัญญาสำหรับความต่าง (CFDs) มีความเสี่ยงสูงในการสูญเสียทางการเงินอย่างรวดเร็วเนื่องจากการใช้เลเวอเรจ จึงไม่เหมาะกับนักลงทุนทุกคน ดังนั้น ควรประเมินวัตถุประสงค์การลงทุน ความเชี่ยวชาญ และความเสี่ยงที่รับได้อย่างรอบคอบก่อนเข้าร่วมลงทุน โดย EBC Financial Group และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูลนี้เป็นพื้นฐานในการตัดสินใจลงทุน

### 

เกี่ยวกับ EBC Financial Group

EBC Financial Group (EBC) ก่อตั้งขึ้นในย่านการเงินที่มีชื่อเสียงของกรุงลอนดอน เป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านโบรกเกอร์การเงินและการบริหารจัดการสินทรัพย์ ผ่านหน่วยงานที่ได้รับการควบคุมในหลายเขตการเงินหลัก เช่น สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย หมู่เกาะเคย์แมน มอริเชียส และอื่น ๆ ทำให้ EBC สามารถเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อย นักลงทุนมืออาชีพ และนักลงทุนสถาบันเข้าถึงตลาดการเงินและโอกาสการเทรดที่หลากหลายทั่วโลก รวมถึงสกุลเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้น และดัชนีต่าง ๆ

EBC ได้รับการยอมรับด้วยรางวัลมากมาย โดยมีความมุ่งมั่นในการรักษามาตรฐานจริยธรรมสูงสุด บริษัทในเครือทั้งหมดได้รับอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานในเขตอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ EBC Financial Group (UK) Limited ภายใต้การกำกับของหน่วยงาน Financial Conduct Authority (FCA) ของสหราชอาณาจักร; EBC Financial Group (Cayman) Limited ภายใต้การกำกับของ Cayman Islands Monetary Authority (CIMA); EBC Financial Group (Australia) Pty Ltd และ EBC Asset Management Pty Ltd ภายใต้การกำกับของ Australian Securities and Investments Commission (ASIC); และ EBC Financial (MU) Ltd ภายใต้การอนุญาตและกำกับดูแลของ Financial Services Commission Mauritius (FSC)

ทีมงานหลักของ EBC ประกอบด้วยผู้มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการเงินมากกว่า 40 ปี ผ่านรอบเศรษฐกิจสำคัญต่าง ๆ ตั้งแต่ Plaza Accord, วิกฤตฟรังก์สวิสปี 2015 ไปจนถึงความผันผวนของตลาดในช่วงโรคระบาด COVID-19 เราสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ เคารพ และความมั่นคงของทรัพย์สินลูกค้า เพื่อให้ความสัมพันธ์กับนักลงทุนทุกคนได้รับการดูแลอย่างจริงจังและมืออาชีพ

ในฐานะพันธมิตรอย่างเป็นทางการด้านการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของทีมฟุตบอล FC Barcelona, EBC ให้บริการเฉพาะทางครอบคลุมภูมิภาคเอเชีย ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง แอฟริกา และโอเชียเนีย นอกจากนี้ EBC ยังร่วมมือกับองค์กร United to Beat Malaria เพื่อสนับสนุนโครงการสุขภาพทั่วโลก และสนับสนุนโครงการ “What Economists Really Do” ของภาควิชาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งเป็นการส่งเสริมความเข้าใจและบทสนทนาเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์และการนำไปประยุกต์ใช้กับความท้าทายทางสังคมอย่างกว้างขวาง

https://www.ebc.com/  

Michelle Siow
EBC Financial Group
+60 163376040
michelle.siow@ebc.com
Visit us on social media:
LinkedIn

Facebook

Twitter

View full experience

Distribution channels: Banking, Finance & Investment Industry, Business & Economy, Culture, Society & Lifestyle, U.S. Politics, World & Regional